กาลครั้งหนึ่งยังมีสองสามีภรรยาอยู่กินด้วยกันมาอย่างมีความสุขเป็นเวลาหลายปี แต่กลับยังไม่มีบุตร “นางเหรา” (รัชนีกร พันธุ์มณี) ผู้เป็นภรรยาจึงปรึกษากับ “นายนันทา” (ยุทธพิชัย ชาญเลขา) สามีของตนว่าจะไปบนบานศาลกล่าว…เพื่อขอทายาทไว้สืบสกุล !! และในค่ำคืนนั้นเอง ‘นางเหรา’ ฝันว่าได้เห็นพระจันทร์ลอยเด่นอยู่ตรงหน้าและได้คว้าเอามาถือไว้ พลันนางเหราก็ตกใจตื่นแล้วรีบปลุกสามีเพื่อเล่าความฝันของตนให้ฟัง รุ่งเช้านางได้ไปหาท่านสมภารที่วัด โดยหมายให้ช่วยทำนายฝัน บังเอิญท่านสมภารออกไปฉันเพลนอกวัด สามเณรซึ่งเป็นผู้เฝ้ากุฏิจึงทำนายให้เองว่า “นางจะให้กำเนิดบุตรชาย และเมื่อโตขึ้นเขาผู้นั้นจะได้เป็นยอดตลกหลวงผู้มีชื่อเสียง” นางเหราดีใจรีบกลับไปบอกนายนันทา ผู้เป็นสามี ครั้นท่านสมภารกลับมาได้ฟังเรื่องราวจากสามเณรก็ดุด่าบอกว่าทำนายผิด เพราะลูกของเขาทั้งสองจะเป็นผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดเหนือคนทั้งปวงต่างหาก !! เมื่อครบกำหนดคลอดนางเหรา กับนายนันทา ก็ได้ตั้งชื่อลูกว่า “ศรีธนญชัย” ซึ่งเป็นเด็กที่ช่างพูดช่างเจรจา เมื่อศรีธนญชัยโตขึ้นก็เป็นหนุ่มรูปงามได้พบรักกับ “ศรีนวล” โดยที่ฝ่ายพ่อกับแม่ของนางศรีนวลไม่ค่อยชอบศรีธนญชัยสักเท่าไรนัก จึงเรียกค่าสินสอดศรีนวลไว้ซะแสนแพง แต่ด้วยความฉลาดแกมโกงบวกกับการเป็นนักตีความที่ฉลาดหลักแหลม…ศรีธนญชัยจึงได้ศรีนวลมาเป็นภรรยา !! ศรีธนญชัยได้ฉายาว่า “ตลกหลวง” บวกกับภูมิปัญญาแบบไทยๆ ที่ใช้ความได้เปรียบเสียเปรียบโดยไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์กติกา แต่อาศัยเพียงว่าใครไหวพริบดีกว่าก็ได้ไป ศรีธนญชัยเป็นผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือทางด้านสติปัญญาหลักแหลม แต่ทำไมนะทำไมเขาจึงกลับไม่ใช่คนที่น่าคบหา เพราะความเฉลียวฉลาดของเขาไม่ได้ทำให้ผู้คนชื่นชมเขาดอกหรือ? มาดูกันสิว่าปฏิภาณและไหวพริบนั้น จะทำให้เขารอดปลอดภัยมาได้อย่างไรกัน!! ชีวิตศรีธนญชัยมีทั้งด้านดีคือรู้จักใช้สติปัญญา แต่อีกด้านที่เสียกลับใช้ความฉลาดของตนเอาเปรียบผู้อื่น โดยไม่นึกถึงบาปกรรมผิดชอบชั่วดี…และสุดท้ายก็ต้องรับกรรมที่ทำเอาไว้ !!!